เคยคิดมั้ยว่า... แฟชั่นไทยจะไปไกลระดับโลกได้ยังไง?
จริงๆ แล้วตอนนี้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก็มาแรงไม่เบาเลยนะ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีหลายเรื่องให้เราต้องปรับตัว ทั้งเรื่องการแข่งขันที่โหดขึ้นเรื่อยๆ จากต่างประเทศ เรื่องทรัพยากรที่ไม่ค่อยพอ และเรื่องของการเข้าถึงตลาดระดับอินเตอร์ที่ยังไม่ค่อยทั่วถึงเท่าไหร่
แต่ไม่ต้องห่วง! เพราะตอนนี้บ้านเรามี กลยุทธ์เด็ดๆ ที่ชื่อว่า “Soft Power” ที่รัฐบาลกำลังใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งมันก็คือการใช้ “ความเป็นไทย” ที่เราภูมิใจสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น มาชูเป็นจุดขาย
แฟชั่นคือหนึ่งในเครื่องมือทรงพลังของ Soft Power เลยล่ะ เพราะเสื้อผ้าไม่ใช่แค่ของใช้ มันคือ “ตัวตน” ที่เราสื่อออกไปยังโลกภายนอก
ถ้าเราสามารถนำเสนอแฟชั่นไทยให้ดูอินเตอร์ แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยอยู่ มันจะกลายเป็นเอกลักษณ์ที่คนทั่วโลกจำได้ไม่ลืม
พูดง่ายๆ ก็คือ “ถ้าเราสื่อสารดี มีพาร์ทเนอร์ที่ใช่ แบรนด์ก็ไปได้ไกลแน่”
1. สื่อสารให้โดนใจ – Storytelling มาแรง!
ลองนึกภาพแบรนด์ไทยที่เล่าเรื่องผ้าทอมือจากชุมชน หรือเบื้องหลังของงานฝีมือผ่าน TikTok หรือ Instagram Reel แบบคูลๆ คนดูจะรู้สึกว่า “ว้าว แบรนด์นี้มันมีเสน่ห์ มีที่มา”
2. ร่วมมือให้เป็นเครือข่าย – ไม่ใช่แค่แข่ง แต่ต้องเกาะกันไว้!
นักออกแบบดีไซน์เนอร์ ผู้ผลิต ผู้นำเข้า/ส่งออก หรือแม้แต่ Influencer ต้องจับมือกัน สร้างกิจกรรมร่วม แพลตฟอร์มออนไลน์ แชร์ความรู้ แชร์ตลาด แชร์โอกาส แบบ win-win
ใช้ วัตถุดิบท้องถิ่น อย่างผ้าไหม ผ้าฝ้ายธรรมชาติ ผสมดีไซน์ทันสมัย
สื่อสารบน Social Media อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่โพสต์รูปสวยๆ แต่ต้องมีเรื่องเล่า
ร่วมงานแสดงแฟชั่นทั้งในและนอกประเทศ
พัฒนาทักษะนักออกแบบ ทั้งด้านศิลปะและธุรกิจ
เราจะเห็นแบรนด์แฟชั่นไทยหลายแบรนด์เริ่ม Collaborate กับกีฬา งานอีเวนต์ หรืองานเทศกาลในประเทศ เช่น การออกแบบชุดนักกีฬา หรือชุดในงานแฟชั่นโชว์ระดับภูมิภาคที่แสดงความเป็นไทยชัดเจนแต่ทันสมัยมากๆ
สรุปส่งท้าย
ถ้าเรามีกลยุทธ์ที่ดี ทั้ง การสื่อสาร ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทย และ ความร่วมมือ จากทุกภาคส่วน แฟชั่นไทยก็มีสิทธิ์ไปไกลถึงระดับโลกได้แบบปังๆ เลยล่ะ
อย่าลืมนะว่า “ผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยด้วยกลยุทธ์การสื่อสารและความร่วมมือ ภายใต้ Soft Power” ไม่ใช่แค่สโลแกนเท่ๆ แต่มันคือพลังที่จับต้องได้ และเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้เลยจ้า
ขอบคุณแหล่งที่มา