พระวินัยกำหนดให้ภิกษุมีเครื่องใช้จำเป็นแปดสิ่ง เรียกว่า อัฐบริขาร (อัฐแปลว่าแปด) เป็นของใช้เฉพาะตัว ห้ามหยิบยืมกัน ได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ ประคดเอว บาตร ธรรมกรก (หม้อกรองน้ำ) มีดโกน และกล่องเข็ม ในพิธีอุปสมบท ผู้ขอบวชต้องมีบริขารอย่างน้อยสี่อย่างไปแสดงแก่ที่ประชุมสงฆ์ คือ สบง จีวร สังฆาฏิ และบาตร อัฐบริขารนี้ในภาษาพระท่องจำว่า "ผ้า ๔ เหล็ก ๓ น้ำ ๑" โดยผ้าคือ สบง จีวร สังฆาฏิ และประคดเอว เหล็กมี บาตร มีดโกน กล่องเข็ม และน้ำคือธรรมกรก
ในบรรดาเครื่องบริขารเหล่านี้ ที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดคือ สบง จีวร สังฆาฏิ ซึ่งรวมเรียกว่า "ไตรจีวร" (ไตรแปลว่าสาม) บางทีภาษาชาวบ้านเรียกสั้นๆ ว่า "ผ้าไตร" หรือ "ไตร"
ไตรจีวรเป็นเครื่องนุ่งห่มของพระสงฆ์ที่ปรากฏในพระวินัยมาแต่ครั้งพุทธกาล มีข้ออนุญาตและข้อห้ามต่างๆ มากมาย เช่น แต่เดิมพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ใช้เฉพาะบังสุกุลจีวร คือ ผ้าห่อศพที่นำมาเย็บปะติดปะต่อกัน ต่อมาจึงทรงอนุญาตให้ใช้จีวรที่ผู้มีจิตศรัทธาถวายให้ เรียกว่า คหบดีจีวร
ในพระไตรปิฎกกล่าวว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังทักขิณาศีรี (เขตภูเขาทางใต้) ทอดพระเนตรเห็นนาของชาวมคธมีคันนาและกระทงนา จึงตรัสให้พระอานนท์ ทดลองนำผ้าชิ้นเล็กๆ มาเย็บเข้าด้วยกันให้เป็นผืนจีวรตามแบบแปลงนาของชาวมคธ เมื่อทำเสร็จทรงสรรเสริญ จึงกลายเป็นแบบอย่างของผ้าจีวรมาจนปัจจุบัน โดยผ้าจีวรที่มีจำหน่ายในท้องตลาดยังคงต้องเย็บต่อกันให้เป็น "กระทง" (ตาราง) ตามลักษณะดั้งเดิม
พระภิกษุในสมัยพุทธกาลมีเพียงไตรจีวรหรือผ้าสามผืนเป็นเครื่องนุ่งห่มหลัก ได้แก่
อันตรวาสก คือ ผ้านุ่ง (สบง) ใช้นุ่งปกปิดร่างกายส่วนล่าง โดยพระสงฆ์จะคาดประคดเอวหรือรัดประคดแทนเข็มขัด
อุตราสงค์ คือ ผ้าห่ม (จีวร) ใช้ห่มคลุมร่างกายส่วนบน
สังฆาฏิ ผ้าห่มคลุมซ้อนหรือผ้าพาด เดิมใช้คลี่ห่มซ้อนกับจีวรอีกชั้นในเวลาอากาศหนาว แต่เนื่องจากเมืองไทยอยู่ในเขตร้อน สังฆาฏิจึงเปลี่ยนหน้าที่เป็นผ้าที่พับพาดบนบ่าซ้ายในโอกาสพิธีการ ธรรมเนียมนี้มีเฉพาะพระสงฆ์ไทยเท่านั้น และปรากฏในพระพุทธรูปสกุลช่างไทยด้ว
แม้พระวินัยจะระบุว่าผ้าจีวรประกอบด้วยผ้าสามผืน แต่มิได้ระบุวิธีห่มครอง เพียงวางหลักการว่าต้อง "นุ่งห่มให้เป็นปริมณฑล" คือ ให้ดูเรียบร้อย รัดกุม เหมาะสม และไม่เหมือนฆราวาส
บางท่านสันนิษฐานว่ารูปแบบการนุ่งห่มจีวรของพระสงฆ์ปัจจุบันอาจมีที่มาจากการแต่งกายในโลกกรีก-โรมัน ซึ่งให้แบบอย่างแก่พระพุทธรูปรุ่นแรกๆ เช่นในศิลปะคันธาระ (Gandhara Art) บริเวณประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถาน แต่มีผู้แย้ง เช่น ในเฟซบุ๊กเพจ Sai Ban Murong ซึ่งนำเสนอข้อมูลว่า การนุ่งห่มผ้าผืนในลักษณะนี้เป็นธรรมเนียมของผู้คนในดินแดนอินเดียมาแต่โบราณ
สำหรับท่านผู้สนใจ ต้องการเลือกซื้อผ้าไหมสำหรับตัดเย็บชุดหรู สามารถเข้าชมเลือกผ้าที่ร้านชอบไหม ผ่านช่องทางนี้ค่ะ www.chobmai.com ทางร้านของเราจำหน่ายผ้าไหมสีพื้น ผ้าไหมลายมัดหมี่ ผ้าไหมพื้นเมือง และผ้าไหมประจำชาติ ผ้าไหมประจำถิ่น มากมายหลากหลายเฉดสี หลายลาย พร้อมงานตัดคุณภาพปราณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญ
ร้านชอบไหมขอเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์วัฒนธรรมอันสวยงามนี้ให้คงไว้ ติดต่อทีมงานร้านชอบไหมเพื่อขอความช่วยเหลือในการเลือกซื้อสินค้าและคำปรึกษาเพิ่มเติมผ่านช่อง "LineOA : @chobmai" ได้ค่ะ ขอบคุณที่สนใจและเลือกซื้อสินค้าของเรา ทาง "ชอบไหม" ยินดีให้บริการค่ะ
อ้างอิง:
เชษฐ์ ติงสัญชลี. พระพุทธรูปอินเดีย. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2554.
ณัฏภัทร จันทวิช. "อัฐบริขารและเครื่องใช้ในพระศาสนา" ใน สารพันมรดกไทย. กรุงเทพฯ : กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, 2536.
ส่งศรี ประพัฒน์ทอง (บรรณาธิการ). มรดกสิ่งทอในพระพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ: กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, 2537.