ไหมไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาและศิลปะอันงดงามของไทย คำว่า "เส้นไหมไทยสาวมือ" มักเป็นที่รู้จักกันในฐานะวัตถุดิบคุณภาพสูงสำหรับผ้าไหมที่สวยงาม แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงเบื้องหลังคำนี้ บทความนี้จะไขข้อข้องใจทั้งหมด โดยอ้างอิงจากมาตรฐานสินค้าเกษตรแห่งชาติ (มกษ. 8000-2565) เพื่ออธิบายให้ชัดเจนว่าเส้นไหมไทยสาวมือคืออะไร มีกี่ชนิด และมีเกณฑ์การวัดคุณภาพที่เป็นมาตรฐานอย่างไร
--------------------------------------------------------------------------------
เพื่อทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ให้ถ่องแท้ เราจำเป็นต้องเริ่มต้นจากนิยามและกระบวนการผลิตตามมาตรฐาน
ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร "เส้นไหมไทยสาวมือ" (hand reeled Thai silk yarn) หมายถึง เส้นไหมดิบที่ผลิตและได้มาตรฐานขึ้นในประเทศไทย โดยต้องสาวมาจาก รังไหมพันธุ์ไทยสีเหลือง ของหนอนผีเสื้อ (Bombyx mori Linn.) ที่กินใบหม่อนเป็นอาหารเท่านั้น
คำว่า "สาวมือ" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้แรงคนและอุปกรณ์พื้นบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมกระบวนการผลิต 3 รูปแบบ ดังนี้
ดังนั้น "เส้นไหมไทยสาวมือ" อาจหมายถึงเส้นไหมที่ผลิตโดยมีเครื่องจักรขนาดเล็กช่วยทุ่นแรงได้ ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเรื่องกำลังมอเตอร์ตามมาตรฐาน
--------------------------------------------------------------------------------
มาตรฐานได้แบ่งชนิดของเส้นไหมไทยสาวมือตามลำดับการสาวใยจาก เปลือกนอกสุดเข้าไปสู่แกนกลางของรังไหม ออกเป็น 4 ชนิดหลัก ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะและคุณภาพแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ชื่อเรียกอื่น: ไหมลืบ, ไหมเปลือกนอก ที่มา: เป็นเส้นไหมที่สาวได้จากปุยไหมรวมกับเปลือกรังไหมชั้นนอกสุด จนกระทั่งเส้นไหมเริ่มเป็นเส้นเรียบ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 15% ถึง 20% ของเปลือกรัง ลักษณะเด่น: เส้นไหมมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื้อหยาบ และมีปุ่มปมมากที่สุด
ชื่อเรียกอื่น: ไหมน้อย ที่มา: เป็นเส้นไหมที่สาวได้จากเปลือกรังไหมชั้นใน หลังจากที่สาวไหมสามออกไปหมดแล้ว ลักษณะเด่น: เป็นเส้นไหมคุณภาพดีที่สุด โดยทั่วไปจะมีความเรียบและสม่ำเสมอ
ชื่อเรียกอื่น: ไหมสาวเลย ที่มา: เป็นการสาวเส้นไหมต่อเนื่องจากรังไหมที่อาจจะลอกปุยไหมออกหรือไม่ก็ได้ โดยสาวตั้งแต่เปลือกรังชั้นนอกไปจนถึงชั้นในสุดในคราวเดียว ลักษณะเด่น: เส้นไหมโดยทั่วไปอาจมีปุ่มปมปนอยู่บ้าง
ชื่อเรียกอื่น: ไม่มี ที่มา: เป็นเส้นไหมที่สาวได้จากเปลือกรังส่วนที่เหลือจากการสาวไหมหนึ่งและไหมสอง รวมถึงรังที่ไม่สามารถสาวออกได้ตามปกติ โดยนำมาต้มในน้ำเดือดอุณหภูมิประมาณ 100 °C ลักษณะเด่น: เส้นไหมมีปุ่มปม เนื้อนุ่ม และมักมีสีอ่อนกว่าไหมชนิดอื่น
--------------------------------------------------------------------------------
มาตรฐานได้กำหนดระบบการแบ่งชั้นคุณภาพไว้ สำหรับ "ไหมหนึ่ง (Mai Nueng)" โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นไหมที่มีคุณภาพสูงสุดและจำเป็นต้องมีการควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวด
การประเมินคุณภาพจะใช้ระบบคะแนนเต็ม 100 คะแนน จากนั้นจะทำการหักคะแนนตามข้อบกพร่องที่ตรวจพบ คะแนนสุทธิที่เหลือจะเป็นตัวกำหนดระดับชั้นคุณภาพของไหมเข็ดนั้นๆ
คะแนนจะถูกหักตามข้อบกพร่อง 5 ประเภทหลัก ซึ่งมีคำนิยามและคะแนนหักที่ชัดเจนดังนี้
หลังจากหักคะแนนข้อบกพร่องแล้ว สามารถแบ่งชั้นคุณภาพของไหมหนึ่งได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
|
ชั้นคุณภาพ |
คะแนนที่ต้องการ |
|
ชั้นพิเศษ (Extra class) |
มากกว่า 90 คะแนน |
|
ชั้นหนึ่ง (Class I) |
มากกว่า 80 ถึง 90 คะแนน |
|
ชั้นสอง (Class II) |
มากกว่า 65 ถึง 80 คะแนน |
--------------------------------------------------------------------------------
การทำความเข้าใจมาตรฐาน "เส้นไหมไทยสาวมือ" ช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวัตถุดิบอันทรงคุณค่านี้ โดยสรุปแล้ว:
มาตรฐานเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ผลิตมีเกณฑ์อ้างอิงที่ชัดเจน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการรักษาคุณภาพและส่งเสริมชื่อเสียงของไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับต่อไป ดังนั้น เมื่อผู้บริโภคหรือนักออกแบบเห็นผ้าที่ระบุว่าทอจาก "ไหมหนึ่ง ชั้นพิเศษ" ก็จะสามารถมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบนั้นผ่านกระบวนการคัดสรรคุณภาพที่ละเอียดและเข้มงวดที่สุด
อ้างอิง
https://qsds.go.th/dsssilk/wp-content/uploads/sites/122/2022/12/TAS8000.pdf
https://qsds.go.th/newqssckkm/blog/2018/03/04/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A1/
ร้านชอบไหม - ผ้าไหมแท้ทอมือ ผ้าไหมสุรินทร์ ผ้าไหมแท้ ผ้าไหมพื้นเมือง ผ้าไหมมัดหมี่