เป็นเครื่องนุ่งห่มที่มีความสำคัญต่อชีวิตของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่เพื่อปกปิดร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องหมายแห่งความสมถะและการดำรงอยู่ในความเรียบง่ายตามหลักธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา สีของจีวรไม่ได้ถูกเลือกโดยบังเอิญ แต่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการปฏิบัติธรรมและความเคารพต่อวัฒนธรรมและประเพณี โดยในปัจจุบันยังมีการกำหนด สีพระราชนิยม สำหรับใช้ในงานพระราชพิธีอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องแต่งกายของพระภิกษุสงฆ์ สีจีวรที่ใช้ในแต่ละโอกาส รวมถึงความหมายของแต่ละสีที่ถูกกำหนดใช้ในวัดและงานพิธีต่าง ๆ
1.1 ผ้าจีวร (อุตราสงค์) ผ้าจีวร หรือ อุตราสงค์ คือผ้าห่มที่ใช้สำหรับห่มร่างกายของพระสงฆ์ โดยจะคลุมร่างกายทั้งหมดเพื่อป้องกันความร้อน ความหนาว ลม และสัตว์ต่าง ๆ จีวรเป็นผ้าที่มีลักษณะเรียบง่าย มักทอจากผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม เน้นการปกปิดร่างกายเพื่อแสดงถึงความสมถะและไม่ยึดติดในสิ่งของทางโลก การใช้ผ้าจีวรนี้เป็นการสื่อถึงความมุ่งมั่นในการละทิ้งทางโลกและดำรงตนในความสงบ
1.2 ผ้าสบง (อันตรวาสก) ผ้าสบง หรือ อันตรวาสก คือผ้านุ่งที่ใช้ปกปิดร่างกายช่วงล่าง ลักษณะการนุ่งผ้าสบงจะมีการผูกหรือพับให้แน่นเพื่อไม่ให้หลุดง่าย ผ้าสบงมีลักษณะเรียบง่ายเหมือนกับผ้าจีวร และเป็นส่วนสำคัญในการแต่งกายเพื่อปกปิดร่างกายส่วนล่าง การนุ่งสบงที่ถูกต้องเป็นการแสดงถึงการปฏิบัติศีลและการมีความระเบียบในการแต่งกายของพระสงฆ์
1.3 สังฆาฏิ สังฆาฏิ คือ ผ้าห่มซ้อน หรือ ผ้าพาดบ่า ซึ่งพระภิกษุจะใช้ในการพาดบ่าทับผ้าจีวร เป็นเครื่องแต่งกายเพิ่มเติมที่พระภิกษุใช้ในเวลาที่ต้องการความเรียบร้อยพิเศษ เช่น การออกนอกวัดหรือการเข้าร่วมในพิธีสำคัญ สังฆาฏิยังสามารถใช้เป็นผ้าห่มเสริมในกรณีที่อากาศหนาวเย็น การพาดสังฆาฏิแสดงถึงความสุภาพและความเคารพต่อโอกาสต่าง ๆ
1.4 ผ้ารัดอก ผ้ารัดอก เป็นผ้าที่ใช้สำหรับรัดอกเพื่อให้การนุ่งห่มเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยเฉพาะในขณะที่ปฏิบัติกิจวัตรหรือออกนอกวัด ผ้ารัดอกช่วยให้การสวมใส่จีวรและสบงกระชับและไม่หลุดหลวมง่าย เป็นส่วนที่เสริมให้พระสงฆ์สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจและสุภาพ
1.5 อังสะ อังสะ เป็น ผ้าชั้นในสุด ที่มีลักษณะคล้ายเสื้อ มีหรือไม่มีกระเป๋าก็ได้ ใช้สำหรับสวมใส่เมื่อพระสงฆ์อยู่วัดตามลำพัง หรือในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการมากนัก อังสะทำให้การแต่งกายของพระสงฆ์เรียบร้อยและไม่ดูโป๊เปลือย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความอบอุ่นและปกป้องร่างกายจากอากาศเย็น เครื่องนุ่งห่มเหล่านี้ พระภิกษุสงฆ์ไม่ได้ตัดเย็บหรือหามาเอง แต่จะได้รับจากการถวายของญาติโยมและลูกศิษย์ ซึ่งถือเป็นการทำบุญที่มีความหมายลึกซึ้งในการสนับสนุนพระสงฆ์ในการปฏิบัติธรรม
ในปัจจุบัน สีของเครื่องนุ่งห่มของพระภิกษุสงฆ์ได้รับการกำหนดให้เป็นมาตรฐาน เพื่อความเป็นเอกลักษณ์และความสุภาพเรียบร้อยในการปฏิบัติศาสนกิจทั่วประเทศ โดยเรียกว่า สีพระราชนิยม ซึ่งกำหนดให้ใช้ทั่วกันในงานพระราชพิธี อย่างไรก็ตาม มีบางสำนักสงฆ์ที่ยังคงใช้สีเครื่องนุ่งห่มตามสีเดิมที่พระอาจารย์ของตนใช้ แต่เมื่อมีการเข้าร่วมงานพระราชพิธี พระภิกษุจากสำนักเหล่านั้นจะต้องปรับเปลี่ยนสีเครื่องนุ่งห่มให้ตรงตามที่กำหนดไว้
ต่อไปนี้คือสีจีวรต่าง ๆ ที่นิยมใช้ในพระพุทธศาสนาของไทย
2.1 สีเหลืองส้ม (สีราชเข้ม) สีเหลืองส้ม เป็นสีที่ใช้ในวัดของมหานิกาย ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงความสว่างไสวและความมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม สีนี้มักใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นสีที่เราคุ้นตาเมื่อเห็นพระสงฆ์ทั่วไป สีเหลืองส้มช่วยสร้างความรู้สึกถึงการเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและการยึดมั่นในศีลธรรม
2.2 สีแก่นขนุน (สีแก่นบวร) สีแก่นขนุน หรือ สีกรัก เป็นสีที่ออกน้ำตาลอมเหลือง ซึ่งเป็นสีที่เดิมนิยมใช้ในวัดธรรมยุตินิกาย สีนี้สะท้อนถึงความสมถะและการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สีแก่นขนุนยังแสดงถึงความมั่นคงและความจริงจังในการปฏิบัติธรรม พระสงฆ์ธรรมยุตมักใช้สีนี้ในจีวรเพื่อแสดงถึงการปฏิบัติที่เคร่งครัดและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
2.3 สีพระราชนิยม สีพระราชนิยม อยู่กึ่งกลางระหว่างสีเหลืองส้มและสีแก่นขนุน เป็นสีที่ได้รับการกำหนดให้ใช้ในงานพระราชพิธีโดยทั้งพระสงฆ์มหานิกายและธรรมยุตนิกาย การใช้สีพระราชนิยมในงานพิธีสำคัญเป็นการแสดงออกถึงความเป็นเอกภาพและความเคารพต่อพระราชพิธี นอกจากนี้ยังเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติธรรมร่วมกันในฐานะพระสงฆ์ที่ยึดมั่นในศีลธรรมและคำสอนของพระพุทธเจ้า
2.4 สีแก่นขนุนเข้ม สีแก่นขนุนเข้ม เป็นสีที่นิยมใช้ในหมู่พระป่า หรือพระสายกรรมฐาน โดยเฉพาะในภาคอีสาน สีนี้แสดงถึงความกลมกลืนกับธรรมชาติและการปฏิบัติธรรมที่เข้มข้น พระป่ามักใช้สีนี้ในจีวรเพื่อแสดงถึงความเคร่งครัดในการปฏิบัติสมาธิและความมุ่งมั่นในการแสวงหาความหลุดพ้น
2.5 สีกรักแดง (สีน้ำหมาก) สีกรักแดง หรือ สีน้ำหมาก เป็นสีที่ใช้โดย "ครูบา" พระสงฆ์ภาคเหนือบางส่วนที่สืบทอดมาจากแบบแผนของสงฆ์พม่า สีนี้เป็นสีที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมท้องถิ่นและการปฏิบัติธรรมตามแบบอย่างที่ได้รับการสืบทอดมา
2.6 สีกรักดำ (สีน้ำตาลอมม่วง) สีกรักดำ เป็นสีจีวรของพระธุดงค์ที่มักปฏิบัติธรรมด้วยการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ สีนี้สื่อถึงความกลมกลืนกับธรรมชาติและการไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลก สีกรักดำยังแสดงถึงการทุ่มเทในการปฏิบัติสมาธิและการละทิ้งทางโลกเพื่อแสวงหาความสงบทางจิตใจ
2.7 สีน้ำตาล (สีสมณะ) สีน้ำตาล เป็นสีที่ "สมณะ" หรือนักบวชในสำนักสันติอโศกเลือกใช้ เพื่อให้แตกต่างจากสีจีวรทั่วไป สีนี้สื่อถึงความเรียบง่ายและการดำเนินชีวิตอย่างสมถะในแบบฉบับของสำนักสันติอโศก การใช้สีน้ำตาลนี้เป็นการแสดงถึงการเน้นความสมถะและการยึดมั่นในหลักธรรมที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์
ผ้าไหม เป็นหนึ่งในวัสดุที่นิยมใช้สำหรับตัดเย็บจีวร เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษที่เหมาะสมกับการใช้งานของพระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นความเงางามที่เป็นเอกลักษณ์ ความโปร่งเบาที่ช่วยระบายอากาศได้ดี รวมถึงความรู้สึกนุ่มสบายที่ทำให้พระสงฆ์สามารถสวมใส่ได้อย่างสะดวกสบาย ผ้าไหมไทยที่ทอด้วยมือยังมีความประณีตและความงดงามที่สื่อถึงความเคารพและความตั้งใจในการถวายแด่พระสงฆ์ การเลือกใช้ผ้าไหมในการตัดเย็บจีวรยังช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปะการทอผ้าไหมไทยอีกด้วย
สีจีวรพระ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องนุ่งห่มสำหรับปกป้องร่างกายจากสภาพแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการละทิ้งทางโลก การดำรงตนในความเรียบง่าย และความสมถะ สีจีวรแต่ละสีมีความหมายที่ลึกซึ้งและสื่อถึงหลักธรรมและความเชื่อในพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ สีพระราชนิยมที่ใช้ในงานพระราชพิธี ยังเป็นการแสดงถึงความเป็นเอกภาพของพระสงฆ์ในการปฏิบัติศาสนกิจและความเคารพต่อพระราชพิธีที่สำคัญ การแต่งกายของพระภิกษุสงฆ์ที่ประกอบไปด้วย ผ้าจีวร ผ้าสบง สังฆาฏิ ผ้ารัดอก และอังสะ ยังเป็นเครื่องหมายของการปฏิบัติธรรมที่เคร่งครัดและการรักษาศีล ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนใจให้พระสงฆ์ดำเนินชีวิตตามหลักธรรมและศีลที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ในที่สุด ผ้าไหม ที่ใช้ในการตัดเย็บจีวร ไม่เพียงแค่เป็นวัสดุที่งดงามและมีคุณสมบัติที่เหมาะสม แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเคารพและความทุ่มเทของผู้ถวาย เป็นการสนับสนุนให้พระสงฆ์สามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างสะดวกสบายและมีความงดงามในแบบที่เรียบง่ายและสง่างาม