ถ้าให้ดูด้วยตาเปล่าก็ตอบได้ไม่เต็มปากนะคะ ว่าทอด้วยกี่ตะกอ หลักๆ ก็รู้ได้ด้วยการถามเอาจากชาวบ้านที่ทอ ประกอบกับสังเกตเนื้อผ้าและจำกันมา
ตะกอ: คือตัวสร้างความละเอียดให้ลายผ้า คล้ายๆกับพิกเซลบนจอแสดงผล ผ้าที่มีลายผ้าใหญ่ ที่ต้องการความพิถีพิถันมาก อาจไปถึงหลัก100-1000 ตะกอก็มี
โดยความจริงแล้ววิธีการทอโดยใช้หลายตะกอ ไม่ได้การันตีว่าผ้าไหมจะหนากว่าเสมอไป เพราะความหนาจะขึ้นอยู่กับเส้นใยไหมที่ใช้ทอด้วย หากใช้ไหมเนื้อหนา ผ้าไหมที่ได้ อาจจะหนากว่าการใช้ไหมเส้นเล็กทอ
แต่หากทอด้วยเส้นใยไหมเหมือนกันก็มีความเป็นไปได้ว่า ตะกอยิ่งมากจะได้ผ้าไหมที่หนากว่าการทอที่ใช้ตะกอน้อยกว่า
ผ้าไหมที่นิยมทอขายกันทั่วไปจะมี 2-3-4-5-6-8...12 ตะกอ
ผ้าไหมที่ทอด้วย 2 และ 3 ตะกอ จะมีลักษณะเป็นผ้าเนื้อเรียบเหมือนกัน แต่มีจุดสังเกตต่างกันดังนี้
ผ้า 2 ตะกอ เมื่อคลี่ผ้าออก ดูด้านหน้า - หลัง จะให้ความคมชัดของลายเหมือนกัน
ผ้า 3 ตะกอ เมื่อคลี่ผ้าออก พลิกดูด้านหนัา - หลัง สีจะต่างกัน ด้านหน้าสีสดสวย ด้านหลังจะสีเข้มทึม ไม่สวยเหมือนด้านหน้า
ผ้าไหม 4 - 12 ตะกอ เมื่อคลี่ผ้าออก สังเกตด้วยตา หรือใช้มือสัมผัส จะรู้สึกถึงลายยิบย่อย บนผืนผ้า (ผิวไม่เรียบ) ทำให้ผ้ามีความสวยงาม เรียกกันว่า ผ้ายก ในจังหวัดสุรินทร์มีงาน ผ้ายก ซึ่งเป็นที่นิยมกันหลายรูปทรง เช่น
ลายดอกพิกุล 10 ตะกอ
ลายดอกจัน 10 ตะกอ
ลายเกล็ดเต่า 6 ตะกอ
ลายพริกไทย 6 ตะกอ
ลายละเบิก 4 ตะกอ
ลายผักแว่น 4 ตะกอ
ผ้าไหมเนื้อละเอียดสวมใส่สบายไม่ร้อน แต่หากนำผ้าไหมไปตัดชุด ตัวผ้ามักจะถูกเสริมโดยการใส่ซับในเก็บทรงผ้าเพื่อให้รีดง่าย ตรงนี้เองที่มีส่วนให้การสวมผ้าไหมรู้สึกร้อนกว่าการสวมใส่ไหมเดิมๆ
ขอบคุณแหล่งที่มา:
หนังสือผ้าไหมสุรินทร์ - Surin Silk ผ้าไหมสุรินทร์สายใยวัฒนธรรม
สำหรับท่านผู้สนใจ ต้องการเลือกซื้อผ้าไหมสำหรับตัดเย็บชุดหรู สามารถเข้าชมเลือกผ้าที่ร้านชอบไหม ผ่านช่องทางนี้ค่ะ www.chobmai.com ทางร้านของเราจำหน่ายผ้าไหมสีพื้น ผ้าไหมลายมัดหมี่ ผ้าไหมพื้นเมือง และผ้าไหมประจำชาติ ผ้าไหมประจำถิ่น มากมายหลากหลายเฉดสี หลายลาย พร้อมงานตัดคุณภาพปราณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญ