เส้นไหม คือ เส้นใยธรรมชาติที่ได้จากหนอนไหม เมื่อผ่านกระบวนการสาวไหมแล้วจะได้เส้นไหม เรียกว่าเส้นไหมดิบ โดยธรรมชาติของเส้นไหมดิบจะมีกาวมาก ไม่เหมาะสมต่อการย้อมสี เนื่องจากส่วนที่เป็นกาวจะ ละลายน้ํา ถ้าสีย้อมติดส่วนที่เป็นกาวสีก็จะละลายหลุดออกไปพร้อมกับกาวได้ง่ายเมื่อนําไปซักล้าง ทําให้เส้นไหมติดสีไม่สม่ําเสมอ นอกจากนี้ในการสาวไหมด้วยมือจาก เครื่องสาวไหมพื้นบ้าน ชนิดรอกเดียว เส้นไหมจะมีเศษไหม และสิ่งสกปรกติดอยู่มากและมักจะมีเกลียวน้อย เมื่อนําไป ทําเป็นเส้นยืน (เส้นเครือ) เส้นไหมจะไม่กลมและความ เหนียวจะไม่เพียงพอ ทําให้ขาดง่ายในระหว่างการทอ
สําหรับเส้นไหมที่จะนําไปเป็นเส้นพุ่งอาจไม่ตีเกลียวเพิ่มก็ได้ เพราะไม่จําเป็นต้องทนต่อแรงกระแทกของ ฟีมในระหว่างการทอ แต่ถ้าต้องการผลิตผ้ามัดหมี่ควร นําเส้นพุ่งไปตีเกลียว เพื่อป้องกันเส้นไหมแตกเป็นขุย เนื่องจากการผลิตหัวหมี ต้องมัดเส้นไหมและย้อมสีให้ เกิดลวดลายหลายครั้ง เส้นไหมจึงต้องผ่านความร้อน เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงต้องเตรียมเส้นไหมด้วยการ ทําความสะอาด ลอกกาว และทําเกลียว เพื่อให้เส้นไหม มีความเหมาะสมสําหรับการย้อมสีและการทอเป็นผืนผ้า
1. การคัดแยกเส้นไหม เส้นไหมมีหลากหลาย สายพันธุ์และมีขนาดของเส้นไหมที่แตกต่างกันตามการแบ่ง ชนิดของเส้นไหมตามการสาว (ไหม 1, ไหม 2, ไหม 3, และไหม 4) ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณกาวไหมที่แตกต่างกัน รวมทั้งสีของเส้นไหมดิบ ก่อนการลอกกาวย้อมสีจึงต้องแยกขนาดของเส้นไหมและสีของเส้นไหมเพื่อให้การ ลอกกาวและย้อมสีมีประสิทธิภาพดีที่สุด
2. การทําไฟไหม เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมพันกันในระหว่างการต้มเพื่อทําความสะอาดและลอกกาว จึงควรเตรียมเส้นไหมให้เป็นเช็คตามมาตรฐาน โดยนํา เส้นไหมที่สาวได้มาเข้าเครื่องกรอเพื่อทําาเข็ดไหมให้ มีเส้นรอบวงตามมาตรฐานขนาด 150 เซนติเมตร โดยกรอ แบบสานไขว้ (ไดมอนด์ครอส - Diamond cross) และ ทําไฟไหม (มัดพลอง) ซึ่งในหนึ่งเข็ดไหมที่มีน้ําหนัก 80-100 กรัม ควรแบ่งมัดอย่างน้อย 4 ช่วง เพื่อรักษา รูปทรงของเข็ดไหมและลอกกาวได้สม่ําเสมอ ถ้ามัดถี่เกินไป จะทําให้เส้นไหมแห้งตัวช้าในบางจุด และการละลาย ของกาวต้องใช้เวลามากขึ้น นอกจากนี้การมัดไฟควรให้มีช่วงสําหรับมัดเงื่อนต้นเข็ดและปลายเข็ดให้เห็นอย่างชัดเจน ปลายเส้นด้ายที่ผูกมัดต้องยาวเกินกว่าความกว้าง ของเข็ดไหมไม่น้อยกว่า 8 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้เส้นไหม กระจายและพันกันเมื่อลอกกาว
การลอกกาวไหม คือ การทําความสะอาดเส้นใยไหม ด้วยการกําจัดส่วนของ sericin ที่มีลักษณะเป็นสาร สีเหลืองทึบหรือมีสีขาว (ไหมดิบมีทั้งสีเหลือง และสีขาว ขึ้นกับสายพันธ์) ออกจากเส้นใยไหมเพื่อการเตรียมเส้นใยไหมก่อนที่จะนํามาย้อมสีต่าง ๆ นอกจากเซริซิน แล้วยังมีสวนประกอบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย เช่น ขี้ผึ้ง คาร์โบไฮเดรต สี สารอนินทรีย์ สิ่งสกปรก เศษดักแด้ ซึ่งถ้าหากไม่มีการกําจัดสารดังกล่าวออก หากนํามาย้อม ก็จะทําให้เกิดการย้อมติดสีต่าง ๆ ได้ยาก โดยจะได้ เส้นใยไหมที่ผ่านการลอกกาวจะมีลักษณะสีขาว มันวาว อ่อนนุ่ม สามารถย้อมติดสีต่าง ๆ ได้ดี การลอกกาวไหมสามารถทําได้หลายวิธี ทั้งวิธีทางกายภาพหรือทางเคมี ซึ่งจะต้องทําอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เส้นไหมเกิดความเสียหาย และจะต้องทําให้ เกิดการลอกกาวไหมที่สม่ําเสมอ เนื่องจากจะส่งผลกับ ความสม่าเสมอของสีที่ย้อมติดเส้นไหม วิธีลอกกาวเส้นไหมได้แก่
การลอกกาวไหมด้วยนํ้าภายใต้ความดันสูง
การลอกกาวไหมด้วยด่าง
การลอกกาวไหมด้วยกรด
การลอกกาวไหมด้วยสบู่
การต้มด้วยสารชิกฟอกสังเคราะห์
การลอกกาวไหมด้วยเอนไซม์
การลอกกาวไหมด้วยน้ําด่างธรรมชาติ เป็นวิธีการที่ เป็นภูมิปัญญาของเกษตรกรในประเทศไทย นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย น้ําด่างธรรมชาติได้มาจากการกรองน้ํา ผ่านขี้เถ้าจากการเผาพืช ตัวอย่างของขี้เถ้าที่ให้ค่าความ เป็นด่างสูง ได้แก่ ผักโขมหนาม เหง้ากล้วย ผักงิ้ว ไม้ เบญจพรรณ เป็นต้น โดยน้ําด่างที่ใช้สําหรับลอกกาวไหม จะมีค่า pH > 10 ขึ้นไป
ส่วนสารที่ผลิต หรือได้จากธรรมชาติที่ใช้ในการ ลอกกาวไหม ส่วนใหญ่สลายตัวได้ในสภาพธรรมชาติ ค่อนข้างรวดเร็ว และไม่มีการสะสมสารพิษตกค้างที่ ทําให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม มีการใช้สารธรรมชาติที่ได้จากพืชหลากหลายชนิดตามสภาพพื้นที่ในแต่ละ ภูมิภาค มาใช้ในการลอกกาวไหม
สำหรับท่านผู้สนใจ ต้องการเลือกซื้อผ้าไหมสำหรับตัดเย็บชุดหรู สามารถเข้าชมเลือกผ้าที่ร้านชอบไหม ผ่านช่องทางนี้ค่ะ www.chobmai.com ทางร้านของเราจำหน่ายผ้าไหมสีพื้น ผ้าไหมลายมัดหมี่ ผ้าไหมพื้นเมือง และผ้าไหมประจำชาติ ผ้าไหมประจำถิ่น มากมายหลากหลายเฉดสี หลายลาย พร้อมงานตัดคุณภาพปราณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญ
ร้านชอบไหมขอเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์วัฒนธรรมอันสวยงามนี้ให้คงไว้ ติดต่อทีมงานร้านชอบไหมเพื่อขอความช่วยเหลือในการเลือกซื้อสินค้าและคำปรึกษาเพิ่มเติมผ่านช่อง "LineOA : @chobmai" ได้ค่ะ ขอบคุณที่สนใจและเลือกซื้อสินค้าของเรา ทาง "ชอบไหม" ยินดีให้บริการค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: กรมหม่อนไหม