ลําต้น: สูงประมาณ 15-25 เมตร สูงได้ถึง 30 เมตร ลําต้นเปลาตรง และมักมีพูพอนต่ําๆ
เปลือก: เปลือกต้นเป็นสีเทา มีหนามแข็งอยู่ทั่วลําต้น
ใบ: ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ เรียงสลับเวียนเป็นกลุ่มที่ปลายกิ่ง มีใบย่อยประมาณ 5-7 ใบ แผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปใบหอก หรือรูปไข่ ใบมีความกว้างประมาณ 3-6 ซม. และยาวประมาณ 7-15 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่ม ส่วนขอบใบเรียบ
ผล: แบบฝักแบน สีเขียว ม้วนบิดเป็นวง 1-3 วง แห้งแตก เมื่อแก่มีสีน้ําตาลและแตกออกทั้งสองด้าน เมล็ดสีน้ําตาลดํา เป็นมัน 5-12 เมล็ด
ดอก: ดอกเป็นดอกเดี่ยว มีขนาดประมาณ 6.5-8 ซม. ดอกเป็นสีขาวครีมแกมสีม่วง ออกดอกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 2-4 ดอก กลีบดอกมี 5 กลีบ ดอกจะโค้งงอไปด้านหลังส่วนของกลีบเลี้ยง กลีบดอกเป็นสีขาวมีขนละเอียดด้านนอก ดอกมีเกสรตัวผู้ จํานวนมาก เกสรตัวเมียจะเป็นสีชมพูอมม่วงและมีอันเดียว ปลายแยกเป็น 5 แฉก ซึ่งจะอยู่ชิดติดกัน
จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เมื่อต้นยังเล็ก จะมีลักษณะเรือนยอดจะเป็นชั้น ๆ เมื่อต้นโตเต็มที่จะมีลักษณะ เป็นทรงเรือนยอดด้านบนจะแบน หนามจะลดลงเมื่อต้นโตขึ้น แต่กิ่งก้านยังคงมีหนามเช่นเดิม เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ไม่ อุ้มน้ํา ชอบแสงแดดจัด สามารถพบได้ทั่วไป แต่มักขึ้นตามป่า เบญจพรรณที่มีหินปูน ป่าเบญจพรรณตามเชิงเขาและไหล่เขา ตามภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีความสูงจากระดับน้ําทะเลตั้งแต่ 600-1,000 เมตร โดยจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึง เดือนมีนาคม (บ้างว่าเดือนมกราคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์) โดยก่อนออกดอกจะทิ้งใบหมด
การสกัดสี
1. สับเปลือกต้นงิ้วป่าให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้อัตราส่วนเปลือก งิ้วป่า 3 กิโลกรัมต่อเส้นไหม 1 กิโลกรัม
2. นําไปต้มในน้ําสะอาดจํานวน 30 ลิตร นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง
3. กรองเอาแต่น้ําสีไว้ย้อมต่อไป
การย้อมสี
1. นําเส้นไหมที่ฟอกกาวแล้วชุบในน้ําสะอาดให้เส้นไหม เปียกอย่างทั่วถึง แล้วยกขึ้นบิดให้หมาดก่อนนําลงย้อม ในน้ําย้อมเย็นนาน 10 นาที
2. นําเส้นไหมขึ้นพัก แล้วต้มน้ําให้เดือดเติมสารส้มปริมาณ 50 กรัม
3. ใช้เวลาย้อมนาน 1 ชั่วโมง หมั่นกลับเส้นไหม
4. ครบเวลานําเส้นไหมขึ้นพักให้เย็น นําไปล้างให้สะอาด แล้วกระตุกเส้นไหมให้เรียงตัว ตากให้แห้ง
สีย้อมไหมที่ได้เป็น สีน้ำตาลอมแดง
ขอบคุณแหล่งที่มา: กรมหม่อนไหม