ประวัติความเป็นมา
ผ้าซิ่นตีนแดงหรือผ้ามัดหมี่ตีนแดง เป็นผ้าไหมทอมือเอกลักษณ์ท้องถิ่นของชาวอําเภอพุทไธสง และ อําเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ หรือจะเรียกชื่อตามภาษาท้องถิ่นว่า “ซิ่นหัวแดงตีนแดง” ที่กล่าวกันว่าเป็นผ้าซิ่นตามแบบของกลุ่มชนซึ่งสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่เป็นคนลาว ในอดีตนิยมทอให้เด็กและคนวัยหนุ่มสาวสวมใส่ เพราะมีสีสดใสและถือว่าผ้าซิ่นตีนแดงเป็นผ้ามงคล คนหนุ่มสาวจึงมักนิยมสวมใส่ในงานบุญและในงานแต่ง ซึ่งฝ่ายหญิงนิยมใช้ผ้าซิ่นตีนแดงสําหรับไหว้ผู้ใหญ่ทางฝ่ายชาย แต่ต่อมาเมื่อมีการสืบทอดภูมิปัญญาการทอผ้าซิ่นตีนแดงจากรุ่นสู่รุ่น จึงได้มีการพัฒนาการทอให้ใช้ได้สําหรับผู้ใหญ่สวมใส่ในงานบุญ เช่น งานเข้าพรรษา งานทอดกฐิน งานบวช งานบุญบั้งไฟ หรืองานประเพณีสําคัญต่างๆ จนในปัจจุบันสตรีในท้องถิ่นแถบอําเภอพุทไธสงและอําเภอนาโพธิ์ทุกครัวเรือนจะต้องมีผ้าซิ่นตีนแดงไว้ประจําบ้านหรือประจําตัวแทบทุกคน
ผ้าซิ่นตีนแดงหรือผ้าหัวแดงตีนแดงเป็นผ้าซิ่นพื้นเมืองเดิมของชาวไทยอีสานในพื้นที่อําเภอพุทไธสงหรือเมืองพุทไธสวรรค์ในอดีต ซึ่งเป็นผ้าที่มีมาตั้งแต่ก่อตั้งเมืองโดยเกิดขึ้นครั้งแรกที่บ้านโนนหมากเฟือง หมู่บ้านแห่งแรกของเมืองพุทไธสง (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบ้านมะเฟือง) โดยผ้าซิ่นตีนแดงถูกทอขึ้นครั้งแรกจากการคิดค้นของชาวบ้านในคุ้ม “พระยาเสนาสงคราม” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “เพี้ยศรีปาก” เจ้าเมืองคนแรกของเมืองพุทไธสง จากนั้นผ้าซิ่นตีนแดงก็ได้กลายมาเป็นผ้าประจําเมืองของเมืองพุทไธสง แต่ว่าเนื่องจากเป็นผ้าที่คิดค้นโดยคุ้มเจ้าเมือง คนที่จะใส่ผ้าซิ่นตีนแดงได้จะต้องเป็นเชื้อเจ้าเมืองหรือชนชั้นสูงเท่านั้นมันจึงเป็นที่มาของคําว่า “ผู้ดีตีนแดง” จนกระทั่งมาถึงรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ที่ประเทศไทยมีการปฏิรูปประเทศด้านการปกครอง โดยมีการประกาศเลิกทาส ปลดปล่อยทาสชาวสยามให้เป็นอิสระ ซึ่งเจ้าเมืองพุทไธสงในเวลานั้นก็ได้มีคําสั่งให้ทอผ้าซิ่นตีนแดงขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงประกาศเลิกทาส โดยให้ทอลายดั้งเดิมของชาวพุทไธสงนั่นคือ “ลายเศวตฉัตร” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ลายขอทาส” จากนั้นผ้าซิ่นตีนแดงก็เป็นที่รู้จักและถูกเผยแพร่ไปยังหมู่บ้านข้างเคียงและกลายมาเป็นผ้าพื้นเมืองของอําเภอพุทไธสงและนาโพธิ์จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ในการค้นคว้าเอกสารจากทางราชการยังมีข้อมูลว่า การส่งเสริมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่จังหวัด บุรีรัมย์เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นพิชัยมหิตโรดม พระราชโอรสลําดับที่ 38 เป็นอธิบดีกรมช่างไหม โดยในปี 2447-2448 ได้มีการจัดตั้งสถานีเลี้ยงไหมปลูกหม่อนที่จังหวัดบุรีรัมย์ขึ้น และอธิบดีกรมช่างไหมได้ทรงเสด็จออกตรวจเยี่ยมการทําไหมที่จังหวัดบุรีรัมย์โดยทางเกวียนและได้ทรงแต่งเพลง “ลาวดําเนินเกวียน” ขึ้นระหว่างเดินทาง (ปัจจุบันเรียกว่า “เพลงลาวดวงเดือน”)
เมื่อปี 2450 มีการตั้งโรงสาวไหมขึ้นที่ว่าการอําเภอและศาลาวัดในพื้นที่ที่มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมากๆ ของบุรีรัมย์ เช่น บ้านนาโพธิ์ หน่วยเลี้ยงไหมพุทไธสงและเมืองบุรีรัมย์ประสบความสําเร็จกรมช่างไหมจึงให้หน่วยเลี้ยงไหมในมณฑลอีสานขึ้นตรงต่อหน่วยเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2556 การเลี้ยงไหมชะงักลงจากการที่ไหมเกิดโรคระบาดและเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งปี 2495 ก็ได้มีการยกฐานะโรงเลี้ยงไหมจังหวัดบุรีรัมย์ขึ้นเป็นสถานีส่งเสริมการเลี้ยงไหม ส่งเสริมการทําไหมอย่างจริงจังอีกจนถึงปี 2518 ได้มีการรวม “กลุ่มสตรีอาสาทอผ้าไหม” ที่บ้านนาโพธิ์ อําเภอนาโพธิ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณรับเป็นสมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในพระองค์จึงยกระดับฝีมือทอผ้าชาวบุรีรัมย์ให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อปี 2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ได้ทรงรับสั่งให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาคุณภาพ ชีวิต สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ศึกษาข้อมูลพื้นที่แห้งแล้งที่สุดของประเทศไทย พบว่าอําเภอนาโพธิ์เป็นพื้นที่แห้งแล้งที่สุดของประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงทราบถึงโครงการ จึงรับพื้นที่อําเภอนาโพธิ์ไว้ในโครงการส่วนพระองค์ และในปี 2542 ก็ได้มีการก่อสร้างศูนย์หัตกรรมพื้นบ้านที่อําเภอนาโพธิ์ขึ้น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอาชีพรองรับแผนงานโครงการส่วนพระองค์ ต่อมาในปี 2545 ผู้ผลิตผ้าไหมชาวบุรีรัมย์กว่าร้อยกลุ่มได้ขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
สำหรับท่านผู้สนใจต้องการเลือกซื้อผ้าไหมสำหรับตัดเย็บชุดหรู สามารถเข้าชมเลือกผ้าที่ร้านชอบไหม ผ่านช่องทางนี้ค่ะ chobmai.com ทางร้านของเราจำหน่ายผ้าไหมสีพื้น ผ้าไหมลายมัดหมี่ ผ้าไหมพื้นเมือง และผ้าไหมประจำชาติ ผ้าไหมประจำถิ่น มากมายหลากหลายเฉดสี หลายลาย พร้อมงานตัดคุณภาพปราณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญ
ร้านชอบไหมขอเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์วัฒนธรรมอันสวยงามนี้ให้คงไว้ ติดต่อทีมงานร้านชอบไหมเพื่อขอความช่วยเหลือในการเลือกซื้อสินค้าและคำปรึกษาเพิ่มเติมผ่านช่อง "LineOA : @chobmai" ได้ค่ะ ขอบคุณที่สนใจและเลือกซื้อสินค้าของเรา ทาง "ชอบไหม" ยินดีให้บริการค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: