เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่พัสตราภรณ์ล้ำค่าเช่นผ้ายกทองโบราณเครื่องหมายความงามแห่งฐานนุศักดิ์คู่ราชสำนักสยามมาแต่อดีต เกือบสูญหายไปจากแผ่นดิน ภารกิจการฟื้นฟูผ้ายกทองแบบราชสำนักโบราณให้กลับมาเป็นมรดกแห่งสุนทรียะทางวัฒนธรรมของชาติจึงเริ่มต้นขึ้นนั่นคือตอนที่ครูวีธรรม ตระกลูเงินไทย ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นครูศิลป์ของแผ่นดินโดยสถานบันส่งเสริมศิลป์หัตถกรรมไทย(องค์กรมหาชน) ได้รับการชักชวนจากอาจารย์สมิทธิ ศิริภัทร์ และคุณหญิงหม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดีให้มาร่วมทำงานถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงด้วยกันท่านรับสั่งกับอาจารย์สมิทธิว่า ผ้าไหมไทยในยุคนี้จะมีการใช้ไหมเส้นใหญ่ เนื้อแน่น แล้วแข็งไม่ค่อยจะนุ่มนวลเหมือนที่ท่านเคยสัมผัสหรือเคยพบเห็นผ้าโบราณที่ท่านทรงมีอยู่ซึ่งผ้าเหล่านี้แต่เดิมสามารถทำอยู่ในกำมือเดียวได้ มีความนุ่มนวลอ่อนไหวมาก อาจารย์สมิทธิกับคุณหญิงต้นก็เลย นำความนั้นนำมาปรึกษาบอกว่าวีธรรม เธอเป็นคนแถบอีสานใต้ แถวสุรินทร์ แต่เดิมก็มีวัฒธรรมการทำไหมน้อยมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งสามารถทำเส้นไหมได้เล็กละเอียดสม่ำเสมอ เวลาทอผ้าก็จะมีความแน่นบาง และอ่อนนุ่มให้ลองมาศึกษาแล้วก็รื้อฟื้นผลิตขึ้นมาใหม่ ผมก็เลยกลับมาบ้านเกิดคือหมู่บ้านท่าสว่างแห่งนี้
ครูวีรธรรม ตระกูลเงินไทย ซึ่งเป็นชาวตำบลบ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ผู้เติบโตมากับศิลปะการทอผ้าของชุมชนเป็นทุนเดิม จึงรวบรวมแม่ครูผู้มีฝีมือมาช่วยกันทดลองทอผ้ายกทองโบราณด้วยไหมน้อยอาศัยภูมิปัญญาดั้งเดิมในการสาวไหมเส้นเล็กละเอียดจากส่วนในสุดของรังไหมย้อมด้วยสีธรรมชาติจากพรรณไม้ในท้องถิ่น และบรรจงทอด้วยรูปแบบอ้นเป็นเอกลักษณ์ จนได้ผืนผ้าเนื้อแน่นละเอียดแต่บางเบาและให้สัมผัสนุ่มลื่น อีกทั้งยังประยุกต์การทอผ้าขิดแบบอีสานเพื่อสร้างลวดลายนูนจากการยกเส้นไหมทองจนสามารถคืนความพลิ้วไหวและความงามวิจิตรให้ผ้ายกทองแบบราชสำนักโบราณกลับมีชีวิตด้วยประกายระยิบระยับจากเส้นไหมทองนับพันนับหมื่นเส้นได้อีกครั้งอาจารย์ก็ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แล้วก็ทรงโปรดแล้วพวกเราก็ได้ทำงานสืบต่อเนืองมาจนถึงปัจจุบันนี้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
กลุ่มทอผ้าไหมยกทองโบราณแห่งจังหวัดสุรินทร์ที่นำโดยครูวีรธรรมจึงได้รับการสนับสนุนให้สานต่อภาระกิจการฟื้นฟูผ้าทอโบราณล้ำค่า และก่อตั้งขึ้นเป็นกลุ่มจันทร์โสมา ซึ่งมีบทบาทในการอนุรักษ์ราชพัสตราภรณ์ไทยตั้งแต่พุทธศักราช 2540 เป็นต้นมา ความสำคัญของผ้ายกทองในราชสำนักที่มีมาแต่โบราณนั้น ถือเป็นเครื่องประดับชั้นยศอันสูงศักดิ์ของเชื้อพระวงศ์ รวมถึงเป็นผ้าพระราชทานแก่ข้าราชการระดับสูง ไม่ต่างจากเครื่องแบบราชสำนัก คุณค่าของผ้าไหมยกทองโบราณก็เป็นผลงานของช่างหลวง ของศิลปินโบราณ ได้ออกแบบลวดลายที่มีความสวยงาม เป็นศิลปะชั้นสูงของพระราชสำนักแล้วก็นำไปส่งผลิต ณ ที่ต่างๆ แล้วก็นำกลับมาใช้ในวาระและโอกาสพิเศษของราชสำนัก
หากเปรียบกับบทกวีที่มีฉันทลักษณ์หลักภาษาเป็นกรอบกำหนดเฉพาะตัว ผ้ายกทองโบราณก็มี ฉันทลักษณ์ผ้า หรือรูปแบบการแบ่งพื้นที่บนผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ดุจเดียวกันในทุกๆ ผืน ประกอบด้วยสังเวียนผ้า หรือแถบลายทางยืนขนานไปตามขอบผ้าทั้ง 2 ด้านชุดกรวยเชิงหรือชุดชายกรวยหรือแถบลายพุ่งซ้อนกันหลายชั้นบนพื้นที่ระหว่างสังเวียน ซึ่งจะเป็นส่วนที่อวดเชิงชั้นสวยงามยามจับจีบนุ่งท้องผ้า เป็นส่วนแสดงลวดลายหลักด้านในของชายกรวยตรงกลางผืนผ้านุ่ง และช่อแทงท้อง หรือกรอบล้อมท้องผ้าทั้ง 4 ด้าน ซึ่งผู้รังสรรค์งานทอสามารถออกแบบลวยลายได้อย่างอิสระไม่ต่างจาการที่ผู้ประพันธ์เลือกถ้อยคำงดงามมาเรียงร้อยในบทความบทกวีตามฉัทลักษณ์ที่กำหนดไว้ อันนี้คือสิ่งที่มีอยู่อย่างครบถ้วนที่มีอยู่ในจันทร์โสมาก็คือความนุ่มนวลพลิ้วไหลของเนื้อไหม ของผืนผ้าเพราะเราใช้ไหมเส้นเล็กเป็นไหมน้อยที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ สองก็คือเรื่องสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะคือเป็นโครงสีแบบไทย
ในปัจจุบันเค้าจะฮิตคำว่าไทยโทนซึ่งทำมาจากสีธรรมชาติทั้งหมด แล้วก็กระบวนลายลวดลายที่ถูกออกแบบมาจากการศึกษาอย่างดี มีระบบระเบียบแบบแผนแบบราชสำนัก มีสุนทรียะตามแบบศิลปะไทยครบถ้วน แล้วก็กระบวนการเทคนิคที่เราคิดขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันสอดคล้องกันหมดตั้งแต่ต้นจนจบจนกระทั่งเสร็จเป็นผืนผ้า กระบวนการสร้างสรรค์ผ้าไหมยกทองโบราณเริ่มต้นด้วยการออกแบบลวดลาย โดยมีทั้งลายทีสืบทอดจากราชสำนักโบราณ และลายที่ผูกขึ้นใหม่จากฝีมือของครูวีรธรรม ตระกลูเงินไทย ผู้หลอมรวมแรงบันดาลใจจากการศึกษางานประติมากรรมและงานจิตกรรมไทยโบราณ จนมีความเชี่ยวชาญในการเขียนลายเป็นพิเศษ ในขั้นตอนนี้เอง ระยะช่องไฟ สีของเส้นไหม รวมถึงจังหวะลีลาเคลื่อนไหวของลวดลายผ้า จึงได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกองค์ประกอบพร้อมสำหรับการทอผ้าในกระบวนการต่อๆไป ลวดลายต่างๆ ที่ก่อร่างประสบการณ์ จินตนาการ และแรงบันดาลใจของครูวีรธรรม กำลังจะได้ทำหน้าที่เก็บรักษา และรำรงคุณค่าศิลปกรรมประจำชาติไว้บนผืนผ้าไปอีกนับร้อยๆปี และเมื่อได้แบบร่างลายผ้ายกทองที่เสร็จสมบูรณ์ ก็จะเข้าสู่กระบวนการถอดลวยลายผ้าบนกราฟตารางเพื่อเป็นตัวอย่างชุดลายสำหรับขั้นตอยต่อไปทั้งนี้ความโดดเด่นของผ้าไหมยกทองโบราณจันทร์โสมาก็คือ ลวดลายรอยทอแบบฉบับราชสำนักที่วิจิตรตระการตาและสลับซับซ้อนสมเป็นงานหัตถศิลป์ชั้นสูงที่ต้องอาศัยเทคนิคหรือกรรมวิธีการทอที่เหนือระดับกว่างานทอแบบพื้นบ้านทั่วไป
ความยากของที่นี่ก็คือลวดลาย เมื่อได้รับโจทย์ว่าให้รื้อฟื้นผ้าไหมยกทองแบบราชสำนักโบราณเพราะฉะนั้นลวดลายของผ้าไหมผ้ายกทองในราชสำนักมีความซับซ้อน ในผ้าแต่ละผืนจะมีองค์ปรระกอบต่างๆ มากมาย เพราะฉนั้นเราใช้เทคนิคดั้งเดิมทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ที่จะรองรับความซับซ้อนของลวดลายเหล่านี้ แต่ว่าเรานำภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่เคยเห็นเคยมีอยู่ในชุมชนในภาคอีสานมารวบรวม มาหลอมรวม มาประยุกต์ ความท้าทายก็คือเราต้องทำกี่แบบพื้นบ้าน แต่ให้มีขนาดใหญ่ขั้น เพราะว่าแต่เดิมเราทอกันเป็นขิด 30 40 50 หรือไม่เกินร้อยไม้ ก็กลายเป็นหลักพัน
ครูวีรธรรมจึงพัฒนาและดัดแปลงที่กระทบพื้นบ้านโดยเพิ่มความยาวของตะกอทั้งด้านบนและด้านล่างเป็นจำนวนตั้งแต่ 100 ถึง 1,000 ตะกอขึ้นไป ส่งผลให้กี่ทอที่ออกแบบพิเศษนี้มีรูปลักษณ์แปลกตาทั้งเสริมคานพาดสูงเทียบเพดานสำหรับแขวนชุดตะกอลายในแนวตั้ง และการเปิดพื้นที่ลึกลงไปส่วนของตะกอลายที่ยาวถึงด้านล่าง เกิดเป็นนวัฒกรรมการทอที่ผสานเทคนิคการทอขิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานประยุกต์ให้ตอบโจทย์การรังสรรรค์ ความงามระดับราชสำนักชั้นสูง ซึ่งยากต่อใครจะลอกเลียนแบบได้ การถอดลายผ้าลงบนกราฟตรางจึงเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดจำนวนตะกอลายผ้าในแต่ละชุดให้สะดวกต่อการนับและตรวจสอบความถูกต้อง โดยความสำคัญของตะกอนั้นก็คือเครื่องมือช่วยแยกเส้นไหมยืนให้ยกขึ้นลงสลับกัน เพื่อเปิดให้จังหวะของเส้นไหมพุ่งสอดขัดจนเกิดเป็นลวดลายนั่นเองและขั้นตอนที่กินเวลานานที่สุดของงานทอทั้งหมดก็มาถึงนั่นคือการเก็บตะกอของลายผ้า ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับความละเอียดซับซ้อนของลาย เพื่อเปลี่ยนลายเส้นจินตนาการจากกราฟตรางบนหน้ากระดาษ เตรียมถ่ายทอดลงสู่กี่ทอ ช่างทอจะช่วยกันเก็บตะกอลายเส้นยืนด้วยไม้ไผ่ซีกสอดคั่นลายบนเส้นใยลินิน เพื่อเก็บชุดลายในแต่ละส่วน โดยใช้วิธีเก็บลายเพียงครึ่งส่วนแล้วเมื่อลงมือทอจึงค่อยทอซ้ำย้อนกลับชุดลายเดิมจนเต็มลวดลายสมบรูณ์ ที่สำคัญจะต้องมมีการทดลองทอเพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อนเริ่มทอจริง การเก็บตะกอลายผ้าจึงนับเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดของการทอผ้ายกทองโบราณขณะเดียวกันเส้นไหมน้อยจะได้รับการเตรียมขึ้นจากภูมิปัญญาการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของชาวอีสานซึ่งให้ความสัมผัสของเส้นไหมที่ละเอียดเนียนนุ่มเป้นเอกลักษณ์ ส่วนเส้นไหมทองจะได้จากการนำกะไหล่เงินมารีดและตีเกลียดเป็นเส้นบางเบา ก่อนนำมาชุปทองเพื่อใช้สอดลายยกโดยเฉพาะ เมื่อตะกอผ้าพร้อม เส้นไหมพร้อม ช่างทอทั้ง 4 เข้าประจำที่มในตำแหน่งของตัวเองที่กี่ทอ ผู้จัดตะกอลายด้านบนฝั่งซ้าย 1 คน ฝั่งขวา 1 คน และผู้จัดตะกอลายด้านล่างจะช่วยกันทำหน้าที่จัดลายเปิดแยกเส้นไหมยืนขึ้นและลง เพื่อส่งต่อรูปแบบลายไปถึงช่างทอผ้าผู้มีหน้าที่ทอโดยเสริมเส้นพุ่งพิเศษจากเส้นไหมทอง หรือที่เรียกว่ายกทอง จนเกิดเป็นลวดลายวิจิตรซับซ้อนที่ถูกยกให้นูนเด่นตามขนบจารีตแบบโบราณอันได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จากนี้ตะกอนับร้อยนับพันตะกอจะค่อยๆ ถูกส่งมาด้านล่างและสลับกลับขึ้นด้านบน เพื่อจัดลวดลายด้วยความปราณีตพิถีพิถันอย่างต่อเนื่องยิ่งใช้เส้นไหมน้อยทั้งเล็กและบางยิ่งทำให้ช่างทอ สามารถทอพื้นผ้าพลิ้วเบาได้คืบหน้าเพียงวันละนิดเท่านั้น และสำหรับผ้าบางผืนที่มีความละเอียดของลวดลายยกทองสูงก็อาจต้องใช้เวลาหลายปี กว่ากระขบวนการทอเสร็จสมบูรณ์
โดยสิ่งที่ครูวีรธรรมเน้นย้ำอยู่เสมอคือเนรมิตความมีชีวิตชีวาให้ผืนผ้า ฝากอารมณ์ความรู้สึกไว้ทุกลวดลาย และเติมจังหวะความเคลื่อนไหวไว้ในทุกรอยทอ การนำลวดลายที่เราเขียนเพื่อให้มันไปสู่ผืนผ้าเป็นสิ่งสำคัญ ให้มีความงดงามสอดรับประสานกันยังไง เมื่ออกมาเป็นผ้าก็ต้องเป็นอย่างนั้นเพราะผมคิดว่าที่ผมทำงานผ้าออกมา เป็นการถ่ายทอดศิลปะแขนงหนึ่งที่เลือกใช้เทคนิคการทอเป็นสื่อเพราะว่ามันมีสีสัน มีความเป็นยกทองยกไหม มีอะไรต่ออะไรเหมือนงานจิตกรรม ผมก็เลยอยากให้ลวดลายเหล่านั้นมีความรู้สึกว่าไม่ใช่ลายทอ แต่เป็นลวดลายวาดบนผืนผ้า
ผ้ายกทองโบราณจึงไม่ใช่แค่เครื่องนุ่งห่ม แต่ยังมีคุณค่าในฐานะเครื่องหมายแห่งสุนทรียศิลป์ประจำชาติสะท้อนความรุ่มรวยทางวัฒธรรมและความเป็นเลิศในศาสตร์ที่สั่งสมมาแต่บรรพบุรุษ ซึ่งควรค่าอย่างยิ่งแก่การรักษาและสืบต่อไม่ให้สูญหาย
ก็มีความภาคภูมิใจมากครับที่ได้เป็นคนฟื้นฟูผ้าไหมยกทองโบราณแบบราชสำนัก
ซึ่งสูญหายไปเป็นระยะเววลานานให้กลับมาฟื้นคืนมาได้อีก จนผืนผ้าเหล่านี้ จากเครื่องนุ่งห่มได้กลายเป็นผลงานศิลปะชิ้นเยี่ยม ออกมาเป็นภูษาพัสตราภรณ์ที่สูงค่า เป็นงานศิลปะชั้นสูงของชาติ สามารถที่จะมองเห็นสุนทรียะที่อยู่ในผืนผ้าได้ ในฐานะของชาวจันทร์โสมาทุกคน มีความภูมิใจมากกเหมือนที่ยืนหยัดทำงาที่ยาก ละเอียดลออ แล้วก็เป็นสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก ออกมาสู่สายตาของคนไทยและต่างชาติที่สำคัญก็คือมันเป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมของชุมชนของเราที่สืบทอดมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายครั้งอดีตกาลแล้วก็นำมาสร้างมูลค่า สร้างชื่อเสียง สร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้ครับ
สำหรับท่านผู้สนใจ ต้องการเลือกซื้อผ้าไหมสำหรับตัดเย็บชุดหรู สามารถเข้าชมเลือกผ้าที่ร้านชอบไหม ผ่านช่องทางนี้ค่ะ www.chobmai.com ทางร้านของเราจำหน่ายผ้าไหมสีพื้น ผ้าไหมลายมัดหมี่ ผ้าไหมพื้นเมือง และผ้าไหมประจำชาติ ผ้าไหมประจำถิ่น มากมายหลากหลายเฉดสี หลายลาย พร้อมงานตัดคุณภาพปราณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญ
ร้านชอบไหมขอเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์วัฒนธรรมอันสวยงามนี้ให้คงไว้ ติดต่อทีมงานร้านชอบไหมเพื่อขอความช่วยเหลือในการเลือกซื้อสินค้าและคำปรึกษาเพิ่มเติมผ่านช่อง "LineOA : @chobmai" ได้ค่ะ ขอบคุณที่สนใจและเลือกซื้อสินค้าของเรา ทาง "ชอบไหม" ยินดีให้บริการค่ะ
ขอขอบคุณ แหล่งที่มา
อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย กลุ่มทอผ้าไหมยกทองโบราณ จันทร์โสมา จ.สุรินทร์
ชาวบ้านท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์
ขอบคุณ Sacitchannel
ขอบคุณ Weeratham Targoonngemthai