ผ้าจวนตานี หรือ ผ้าล่องจวน เป็นผ้าทอดั้งเดิมในพื้นที่ทางภาค ใต้ตอนล่างของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่ง เดิมมีศูนย์กลางคือเมืองปัตตานีในอดีต ซึ่งเป็นเมืองท่าสําคัญเมืองหนึ่งใน คาบสมุทรมลายู มีความสัมพันธ์ทางการค้าและการเมือง มีการซื้อขายแลก เปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรม กับประเทศต่างๆ ที่เข้ามาติดต่อค้าขาย เช่น จีน อินเดีย ประเทศในแถบอาหรับ ยุโรป และมาลายา โดยมีสินค้า ประเภทผ้าไหม เส้นไหม และฝ้าย เป็นสินค้าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน อยู่ด้วย จึงนับได้ว่าเมืองปัตตานีเป็นเมืองสําคัญในการค้าขายสินค้าผ้าไหม และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเกี่ยวกับผ้าแห่งหนึ่ง
ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ามีการใช้และการผลิตผ้าเริ่มในภาคใต้เมื่อใด แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าเริ่มมีมาก่อนราชอาณาจักรศรีวิชัย เจริญรุ่งเรือง จากการที่มีการติดต่อและการค้าขายกับประเทศจีนและ อินเดีย ชาวพื้นเมืองของปัตตานีที่อาจจะมีความรู้ในการทอผ้าอยู่แล้วได้มี การรับและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เกิดการสร้างสรรค์สิ่งทอขึ้นใหม่ด้วยกรรมวิธีมัดหมี่และทอแบบประณีตที่มีรูปแบบที่เรียกว่าจวนตานีหรือ
ผ้าลิมาหรือผ้ายกตานีกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในช่วงสมัยอยุธยาและเป็นสิ่งที่มีคุณค่าของชุมชนในภาคใต้โดยเฉพาะในสามจังหวัดภาคใต้ ชายแดนไทยมาเลเซีย
ผ้าจวนตานียังถูกกล่าวถึงในการแต่งกายในวรรณคดีไทย ตัวอย่างเช่น เรื่องขุนช้างขุนแผน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 กล่าวถึงเครื่องแต่งกายของตัวละครเป็นผ้าตานีสองชั้น ชั้นในทำจากผ้าไหมที่ ประณีตสวยงามและมีสีสัน ชั้นนอกปักและฉลุเป็นลวดลายสลับซับซ้อน และจากเรื่องอิเหนาพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 กล่าวถึงวิธีการแต่งตัวของตัวละครที่มีตำแหน่งสูงสวมผ้าโสร่งจวนตานีทำจากไหม
ผ้าจวนตานีมีเอกลักษณ์เฉพาะที่การออกแบบลวดลาย และสีสัน โดยมีการทอทั้งจากเส้นไหมและเส้นใยฝ้ายและยกด้วยเส้นเงินหรือ เส้นทอง ผ้าจวนตานีจะมีแถบริ้วลวดลายวางเป็นแนวแทรกอยู่ระหว่างผืนผ้า และชายผ้าทั้งสองด้าน มีคำเรียกในภาษาพื้นถิ่นว่า จูวาหรือจวน ซึ่งแปลว่า ร่องหรือทาง จึงมีชื่อที่เรียกผ้าชนิดนี้อีกชื่อหนึ่งว่าผ้าล่องจวน
สีของผืนผ้านิยมใช้สีที่ตัดกัน โดยบริเวณท้องผ้าจะใช้สีหลักได้แก่ ม่วง เขียว ฟ้า น้ำตาล ส่วนชายผ้าทั่วไปจะใช้เฉดสีแดง โดยผ้าและชายผ้า ทั้งสองด้านทอเป็นผืนผ้าเดียวกัน นอกจากการใช้สีที่ตัดกันแล้ว พบว่า แต่ละแถบของผ้าจวนตานี โดยทั่วไปมีห้าสี ซึ่งคำว่า “ลิมา” ซึ่งเป็นอีกชื่อ ของผ้าจวนตานี เป็นคำภาษามาเลย์หมายถึง “ห้า” (ผ้าจวนตานีอาจทอได้ มากกว่าห้าสี แต่หาได้ยาก)การทอลวดลายทั้งวิธีการทอ แบบมัดหมี่ และทอแบบยกสอดดิ้นเสริมในผืนผ้า จึงนับเป็นผ้าที่มีลักษณะ พิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ทอยาก มีราคา และใช้เฉพาะในโอกาสพิเศษ เท่านั้น
จำนวนลวดลายบนผืนผ้าจะมีตั้งแต่ 5-7 ลาย เช่น ลายโคม ลาย ประจำยามก้านแย่ง ลายตาราง เป็นต้นใช้เป็นผ้าคลุมศีรษะ ใช้คล้องคอใช้นุ่งคาดอกสวมใส่สำหรับ ผู้หญิง ใช้นุ่งคาดสวมทับด้านบนของกางเกงสำหรับผู้ชาย โดยใช้เฉพาะใน โอกาสพิเศษเท่านั้น
ขอบคุณแห่งที่มา