ในภาคอีสานของประเทศไทยนั้นมีภูมิปัญญาการปักผ้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์อย่างดี นั่นก็คือ งานเย็บปักของชาวกูย กวย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ใช้ภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก Austroasiatic language family และมีรากฐานอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่สมัยปลายอยุธยา ชาวกูยมีหัวหน้าของตนเอง และคนไทยเรียกชาวกูยว่า “เขมรป่าดง” ส่วนชาวกูยเรียกตัวเองว่า
นั้น ชาวกูยเองไม่ค่อยยอมรับชื่อนี้ แซวฮับ คือ เทคนิคการปักหรือเย็บตะเข็บบนผ้า ซึ่งเป็นภาษาถิ่นของชาวกูย ส่วย แปลว่า “การเย็บตะเข็บหรือปักผ้า” ซึ่งเป็นศิลปะที่เป็นมรดกของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกูย ส่วย โดยเฉพาะกลุ่มที่สามารถสืบทอดภูมิปัญญาการตกแต่งสิ่งทอแบบนี้ไว้ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่บริเวณจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเรียกการเย็บเสื้อแบบนี้ว่า “แซวฮับ” (“แซว” แปลว่า การปัก “ฮับ” แปลว่า เสื้อ) ซึ่งเป็นเสื้อที่สวมใส่ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และผู้สวมใส่จะใช้ “ก้อนเงินพดด้วง” ที่ล้ำค่ามาเย็บเป็นกระดุมเพื่อแสดงฐานะทางสังคม ซึ่งชาวกูยจะใช้เสื้อสีดำนี้ ทั้งในโอกาสงานมงคลและงานอวมงคล
ช่างปัก/แซว ในวัยรุ่นต่อจากอายุ 15 ปีจะนำไหมทอเหยียบตะกอยกลายลูกแก้วที่ย้อมสีดำด้วยผลมะเกลือมาเย็บปักตกแต่ง ลวดลายผ้าด้วยไหมสีสด เช่น สีแดง สีเหลือง สีขาว ซึ่งเป็นโครงสีตัดกันกับเนื้อผ้าสีดำ ทําให้ได้ข้อสังเกตว่า เส้นไหมสีสดนั้น ช่วยถนอมสายตา เพราะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเวลาปักลงบนผ้าไหมพื้นสีดํา นอกจากนี้ผ้าสีดําย้อมมะเกลือยังมีคุณสมบัติในการป้องกันแสง UV ซึ่งช่วยถนอมผิวหนังของผู้สวมใส่จากอันตรายของแสงแดด
เทคนิคการปักแซวของชาวกูย ส่วยมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจอย่างมาก นั่นก็คือ การใช้การสานไขว้ระหว่างตะเข็บเสื้อ ทำให้สายลมสามสามารถลอดผ่านตะเข็บเสื้อได้ ทำให้รู้สึกเย็นสบายในช่วงเวลาที่สวมใส่เสื้อ โดยมีลวดลายปัก/แซวที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบดั้งเดิม เช่น “ลายยึงกะเฮบ” (ลายตีนตะขาบ) ลายซอยตะกอด (ลายหาง ตะกวด) และ “ลายหยืงตรอง” (ลายขามดแดง) นอกจากนี้ยังมีลวดลายประยุกต์ เช่น ลายดอกมะลิ ซึ่งเพิ่มความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของงานปักแซวของชาวกูย ส่วย
จากเทคนิคการเย็บปักแบบชาวกูยนี้ เราเห็นได้ว่ามีความซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ การใช้สีสันและลวดลายที่เจาะจง ทำให้งานปักแซวชาวกูยนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมและศิลปะแบบดั้งเดิมของชาวกูย ส่วย
ขอบคุณแหล่งที่มา