พื้นที่ภาคอีสานประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์จํานวน 18 กลุ่ม คือ ไทลาว ไทโคราช ลาวครั่ง ลาวหลวงพระบาง ลาวเวียง ไทพวน ภูไท แสก บรู กูย (ส่วย) ณัฮกุร (ชาวบน) ถิ่น (เลย) ญ้อ (โซ่) โย้ย เขมรถิ่นไทย ไทญวน เญอ และ กระเลิง โดยกลุ่มชาติพันธุ์ที่มี ความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมผ้า มีดังนี้
ผ้าที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของชาวลาวครั่ง คือผ้าซิ่นมัดหมี่ต่อตีนจก ถือกันว่าเป็นผ้าที่ แสดงถึงฝีมือชั้นเลิศของช่างทอประกอบด้วย เทคนิคการขิด จกและมัดหมี่ โดยใช้ทั้งฝ้ายและไหมเป็นองค์ประกอบ ตัวซิ่นนิยมทอด้วย เส้นไหมใช้กรรมวิธีมัดหมี่เส้นพุ่งเป็นลวดลาย ด้วยการย้อมสีเดียวและใช้วิธีการแจะหรือแต้ม สีอื่นๆ โดยการใช้ไม้จุ่มสีมาแต่งแต้มบนเส้นหมี่ ทอสลับกับลายขิด เป็นลายเส้นตั้ง ผ้าซิ่นลาวครั่ง
มักต่อตีนซิ่นด้วยฝ้ายหรือไหม ตอนบนตกแต่ง ด้วยการจกลวดลายและตอนล่างปล่อยเว้น
ให้เป็นผืนผ้าสีแดง ผ้าซิ่นตีนจกนี้ยังช่วยบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของชาวลาวครั่งได้อีกด้วย เช่นชิ้นก่านที่ใช้เทคนิคการจกหรือบิดตัวซิ่นทั้งผืนซิ่นหมี่ลวดเป็นชิ้นที่ใช้เทคนิคการมัดหมี่และทอต่อเนื่องโดยไม่มีเทคนิคอื่นมาคั่น ซิ่นหมี่น้อยที่ใช้เทคนิคการมัดหมี่เป็นลวดลายแถบเล็กๆสลับด้วยฝ้ายหรือไหมพื้นสีต่างๆ ขณะที่ลวดลายบนผืนผ้าส่วนใหญ่จะมาจากสิ่งของใกล้ตัว ที่ใช้ในวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรมความเชื่อ เช่นลายนาค ลายหงษ์ ลายม้า ลายขอ ลายดอกแก้ว ลายเอี้ย ลายหมี่สําเภา ลายหมี่ขอใหญ่ความหนาวเย็นที่เกิดจากการลดลงของอุณหภูมิในช่วงปลายปี ส่งผลโดยตรงต่อการสร้างสรรค์วัสดุ สําหรับสวมใส่ การกักเก็บความอบอุ่นกลายเป็นปัจจัยหลักที่ช่างทอคํานึงถึง ความเบาบางของผืนผ้าแบบฤดูร้อนถูกทอแทนด้วยเนื้อผ้าที่มีลักษณะหนา ซึ่งล้วนอาศัยการเรียนรู้ปรับตัวเพื่อเฟ้นหาวัสดุที่ เหมาะสมสําหรับการดํารงชีวิต โดยนอกจากวัสดุดั้งเดิมภายในท้องถิ่นแล้วปัจจุบันยังได้อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิตวัสดุที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณแห่งที่มา